เราทำบล็อกนี้ขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศิลปะหลังเที่ยงคืน by สมองบวม


ามสอง..หนึ่ง.!! : ศิลปะหลังเที่ยงคืน
Next station ปีใหม่
___________________________________________________________________
การเดินทางของผมท่ามกลางผู้คนมากมายเข้าสู่คืนก่อนปีใหม่สุดครึกครื้น ปีนึงจะมีบรรยากาศพิเศษเช่นนี้สักครั้ง  และเหตุการณ์อันน่าจดจำมากมายได้เกิดขึ้นในคืนๆเดียว ไหนจะวัตถุศิลปะที่โยกย้ายส่ายสะโพกไปมาท่ามกลางแสงสียามราตรี ยิ่งใกล้สว่างมากเท่าไหร่ความชัดเจนของสายตาผมก็ยิ่งน้อยลงทุกที เหลือแต่สติเพียงเล็กน้อยที่จะพยุงร่างกายให้กลับถึงบ้านได้ ท้ายที่สุดแล้วการเสพศิลปะก็ต้องสิ้นสุดลง คงไว้แต่ร่องรอยของการกระทำที่ไม่มีทางหนีพ้น
            การรื้อฟื้นความทรงจำครั้งวันปีใหม่ 2555 ที่พึ่งผ่านพ้นไปไม่นาน เกิดปรากฎการเบียดเสียดกันของผู้คนเป็นจำนวนมากจนแทบจะขยับเขยื่อนไปไหนไม่ได้เลย เสียงเฮฮากู่ร้อง ครึกครื้นเป็นอย่างมาก เสียงการเฉลิมฉลองที่ดังซ้ำๆ ” สุขสันต์วันปีใหม่ครับ ค่ะ ”  พรุที่พุ่งขึ้นฟ้าเป็นสายดูเหมือนว่าจะไม่มีวันหยุดลง สว่างไปทั่วฟ้า มองๆดูแลเห็นแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้คน ซึ่งสะเทือนใจเป็นอย่างมากกับความสุขที่เอ่อล้นออกมาจากรอยยิ้มที่ได้มาร่วมเฉลิมฉลองร่วมกับใครหลายๆคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น รวมไปถึงผม ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกของทางจังหวัดอุดรธานีและห้างร้านบริษัทต่างๆที่ร่วมมือกันจัดงานขึ้นเสมือนการบันทึกประวัติศาสตร์ลงไปในความทรงจำของคนทั้งจังหวัด
            นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นการฉลองเช่นกันแต่การฉลองของเหตุการณ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้ได้ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มีทั้งรอยยิ้ม ความเบียดเสียด เช่นเดียวกับเทศกาลทั่วๆไป และที่สำคัญไปกว่านั้นผู้คนที่ร่วมประสบการณ์เดียวกันในเหตุการณ์นี้ต่างก็มึนเมากับสุรากันทุกราย
คิดว่าทุกคนในที่นี้คงจะคิดเหมือนๆกันหลังจากกลับจาก UD PUB ว่าคงจะไม่มีวันลืมปีใหม่ ปีนี้ อย่างแน่นอน เพราะศิลปะที่เกิดขึ้นข้างในพลับแห่งนี้ทำให้เกิดความสะเทือนใจได้เป็นอย่างดี
ขอให้ความหมายไว้กับสถานที่นี้ซึ่งอัดแน่นไปด้วย ราคะ และ กิเลส เรียกได้ว่าศูนย์รวมของ อบายมุข ก็ว่าได้ สร้างความประทับใจให้แก่นักเที่ยวยามราตรีเป็นอย่างมาก
                ศิลปะ ศิลปะ เมื่อตัวผมเองได้ข่มตาลงก็เห็นเพียงแต่ร่างกายที่เปลื้องผ้าเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าต่อตาขยับเอวไปมาพลิ้วจนแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะต้องตอบโต้กลับไปด้วยการมองเธออย่างเสน่หา  ทั้งเธอยังส่งสายตาเชื้อเชิญให้ต้องหยุดสายตาอยู่ที่เธอ นึกถึงทีไรก็ยังอยากจะกลับไปยังช่วงเวลานั้น นี่คงเป็นศิลปะ PERFORMANCE ART ที่ส่งผลอย่างมากต่อใครหลายๆคนในช่วงขณะนั้นโดยที่ผู้คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการแสดงออกของพวกเธอเหล่านี้จัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มของ PERFORMANC ART
วันที่ 31 ธันวาคม 2554 ณ ลานเบียร์ที่ทาง UD TOWN จัดเตรียมไว้สำหรับฉลองวันปีใหม่ให้แก่คนในจังหวัด ซึ่งเรียกได้ว่าสถานที่ตรงนี้เปรียบเสมือนแหล่งขุมทรัพย์ทางธุรกิจที่สำคัญของจังหวัดเลยก็ว่าได้ เปรียบเปรยถึง UD TOWN ได้ว่าเป็นปอดของอุดรธานี ไม่ว่าคุณต้องการอะไรหาได้จากที่นี่ทั้งหมด ซึ่งไม่ว่า ใครๆก็มาที่นี่ เพราะไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายระดับเกรด PREMIUMไปจนกระทั่งเกรดต่ำที่คนธรรมดาอย่างเราก็สามารถซื้อได้มากองไว้ที่ UD TOWN รวมไปถึงร้านอาหารดังๆอีกหลายร้าน อาทิ เช่น Oishi Mc donal Shabushi Sevensen และสินค้าแบกะดิน อื่นๆ อีกเป็นร้อยๆร้านจนไม่รู้จะพูดหมดตอนไหน ในวันๆหนึ่งมีนักท่องเทียวหลั่งไหลมาเที่ยว ณ ย่านแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ที่ลานเบียร์แห่งนี้เองยังมีดนตรีแสดงสดทุกวัน แต่วันนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเนื่องจากเป็นวันส่งท้ายปีเก่าทาง UD TOWN ก็ได้เชิญศิลปินค่ายGMM GRAMMY วง BIG ASS มาสร้างความสุขให้แก่พ่อแม่พี่น้องที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
 และแล้วก็ใกล้ถึงเที่ยงคืนเข้าไปทุกขณะดนตรีที่กำลังเล่นยิ่งดึกก็ยิ่งมันส์ขึ้นไปเรื่อยๆ    พอถึงท่อนฮุกของเพลงผู้คนต่างก็ช่วยกันร้องเพลงอย่างพร้อมเพียงกัน สายตาหลายคู่จับจ้องยังตัวเลขเวลาอย่างจดจ่อ  อีกไม่ถึง 20 นาที ก็จะถึงปีใหม่แล้ว ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดกันเข้ามาภายในงานเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้เลย ใบหน้าของผู้คนในขณะนี้ดูตื่นเต้นมากกับการที่จะได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในวันแห่งความสุขนี้ ทุกอย่างในช่วงเวลานี้เริ่มจะเข้าที่มากขึ้นกว่าเดิมมากเลยทีเดียวซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าคนยังดูบางตาเป็นอย่างมากแต่ตอนนี้จะเหยียบกันเลยก็ว่าได้ ผู้คนรอบข้างเริ่มผูกไมตรีต่อกัน บ้างก็ถามข่าวคราวกัน บ้างก็หยอกกับคนอื่น
 ดูทุกๆคนลืมไปเลยว่ากว่าจะมายืนสบายใจอยู่ได้ในตอนนี้ ก่อนหน้านี้ทำงานหนักมาแค่ไหน หาเงินมาตลอดทั้งปี ทั้งการกระทำที่เคยบ่นว่าเหนื่อย หรือแม้แต่ท่าทีอิดโรยต่อการทำงาน แทบไม่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าของพวกเขาเหล่านี้ ในทางตรงกันข้ามที่ใบหน้าของพวกเขาเหล่านี้มีแต่รอยยิ้มที่อิ่มอกอิ่มใจที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวของตัวเอง หรือหนุ่มสาวที่ได้มาอยู่กับแฟนของเขาเอง ณ ที่นี้ ตอนนี้ เวลานี้ ซึ่งในหนึ่งปีก็มีแค่ครั้งเดียวหรือเฉพาะเทศกาลเท่านั้นที่ผู้คนเหล่านี้จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งกับครอบครัวคงไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่าพวกเขาไปอยู่ไหนมา ทำไมถึงไม่ได้อยู่กับครอบครัวเพราะตอบได้เลยว่าตอนนี้นอกจากครอบครัวแล้วก็ไม่มีสิ่งใดมาแทนทีได้ ณ ขณะนี้ ตอนนี้ผู้ใหญ่วัยกลางคน คนชรา  เด็กวัยรุ่น เด็ก ต่างพากันตะโกนขับขานเป็นเสียงเดียวกัน  สิบ…. เก้า…. แปด …………………………สาม สอง หนึ่ง !! แทบไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากสิ้นเสียงนับถอยหลัง
เบื้องหลังบานประตู           
ในช่วงเวลาหลังจากอยู่ในงานเฉลิมฉลองได้ไม่นานก็ได้ย้ายจากสถานที่แห่งนี้ไปยังสถานเริงรมชื่อดังแห่งหนึ่งของอุดรธานีที่ชื่อ  UD PUB หลังประตูนี้มีวัตถุศิลปะหลายชิ้นกำลังรอให้เราเข้าไปเชยชมมากมาย  หลักๆแล้วศิลปะมากมาย เหล่านี้คงไม่ใช่อะไรไปได้เลยคือ PERFORMANCE
PERFORMANCE เพอร์ฟอร์แมนซ์ เกิดขึ้นจากการที่ศิลปินต้องการสื่อสารกับคนดูโดยตรง มากไปกว่าที่จิตรกรรมและประติมากรรมสามารถทำได้ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินในสายทัศนศิลป์หลายคน ตั้งแต่กลุ่ม ดาด้า (Dada)จอห์น เคจ (John Cage) ผู้ซึ่งทำให้ความคิดแบบ ดาด้า เผยแพร่ที่นิวยอร์คในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และจากการที่ แจ็คสัน พ็อลล็อค (Jackson Pollock) ที่ทำจิตรกรรมแบบแอ็คชัน เพนติ้ง (action painting) สำหรับการถ่ายภาพยนตร์ในปี 1950      
ฉะนั้นแล้วผมเดินทางมาถูกที่ถูกเวลาพอดิบพอดี เดินผ่านประตูเข้ามายังใจกลางของศิลปะที่มีให้คุณเสพมากมาย เรียกได้ว่าเป็นประติมากรรมที่มีชีวิต ( living sculpture ) เดินสวนทางกันไปมาเต็มไปหมด เอาหล่ะ!! มาถึงแล้วก็ต้องหาที่นั่งเสียก่อน โต๊ะของเรานั่งติดกับขอบสระน้ำ ด้านนอกของตัวอาคารมองลึกผ่านทะลุกระจกเข้าไปจะเห็นคนจำนวนไม่น้อยเลย ราวๆ 100 200 คนโดยประมาณ มองออกไปนอกร้านจะมีรถจอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ รถยนต์มากมายผมคิดว่าสาเหตุที่วันนี้คนเยอะน่าจะมาจากสาเหตุเดียวเท่านั้นคือวันนี้เป็นวันปีใหม่  ข้างๆโต๊ะทั้งสองฝั่งมีสาวๆนั่งล้อมไว้ทั้งสองด้าน ดูท่าทางจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผม คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น จากการที่สาดส่องสายตาไปทั่วบริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็นนอกตัวอาคารร้านก็ดี ในตัวอาคารก็ดี ก็ได้พบว่าการกระทำของคนส่วนใหญ่ ณ ที่แห่งนี้เหมือนพวกเขาได้ถูกปลดโซ่แห่งความอึดอัดจากพันธะทางสังคมหรืออะไรก็ตามที่ทำให้รู้สึกอยากจะมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็ตามแต่
ในยุคปัจจุบันสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ปล่อยจากภายในจิตใจที่อัดแน่นมานานรอวันที่จะทะลักอารมณ์ความรู้สึกของตนออกมา ร่างกายที่ขยับไปตามเสียงเพลงที่ดังกึกก้องอยู่ภายในห้องนั้นๆ   ทางทัศนศิลป์เรียกว่าการแสดงออกแบบ EXPRESSION ซึ่งอารมณ์ที่กระสวกออกมาจากภายใน ผ่านสมองแปลอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดให้ออกมาเป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วยการแสดงออกอย่างไม่มีถูกไม่มีผิดกันเลยทีเดียว ยิ่งใกล้สว่างมากเท่าไหร่ความชัดเจนของสายตาผมก็ยิ่งน้อยลงทุกที เหลือแต่สติเพียงเล็กน้อยที่จะพยุงร่างกายให้กลับถึงบ้านได้ ท้ายที่สุดแล้วการเสพศิลปะก็ต้องสิ้นสุดลง คงไว้แต่ร่องรอยของการกระทำที่ไม่มีทางหนีพ้น

การเดินทางของศิลปะที่เต็มเปี่ยมไปด้วย แสง สี เสียง มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของตัวนักแสดงเองที่กระตือรือร้นอยู่ตลอดที่จะสร้างความสุขให้แกบรรดาผู้คนมากมาย บนสถานที่แห่งความรื่นรมย์แห่งนี้ความน่าสนใจของศิลปะPERFORMANCEที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปลิ้มรสคือกลิ่นอายของวัฒนธรรมที่น้อยลงไปทุกทีหรือแทบไม่เหลือเลยในเวลานี้จะมีก็แต่ความเจริญก้าวหน้าและกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่รวดเร็วของเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ ไฟ แสง เพลงต่างๆ สื่อสมัยใหม่ ส่งผลให้วัฒนธรรมชาติตะวันตกเข้ามาครอบงำเราและผู้คนรอบข้างอย่างแนบเนียน
แท้จริงแล้วคนเรามีวิธีการรับรู้ความรู้สึกถึงสุนทรียภาพของวัตถุศิลปะที่แสดงออกมาตามแบบฉบับของตนเอง พิสูจน์ได้ง่ายๆเช่นจังหวะการเคลื่อนไหวของ สรีระและความสามรถของตัวนักแสดง ที่ตอบโต้กับจินตนาการของคนได้อย่างลงตัว ศิลปะในคืนนี้ได้สะท้อนตัวตนของนักแสดงออกมาอย่างมีเอกลักษณ์มองย้อนกลับมาในฐานะนักศึกษาศิลปะจะเห็นว่าเพียงขณะที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมกับศิลปะที่อยู่ผิดที่ก็สามารถมองเห็นความจริงหลายอย่างว่าศิลปะมีผลกระทบอย่างไรต่อสังคม
บทความนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้มีจุดประสงค์ในทางเสื่อมเสีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น